มาทำความรู้จัก มะพร้าวทะเล ผลไม้โบราณ

ข้อมูลบางส่วนจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระบุไว้ว่า “มะพร้าวแฝด” หรือ อีกหลายๆ ชื่อ เช่น ตาลทะเล , มะพร้าวตูดนิโกร มะพร้าวก้นสาว

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือชื่อเรียกของ “มะพร้าวทะเล” ซึ่งก็กล่าวได้ว่ามีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า Coco de mer แปลตรงๆ ก็คือ มะพร้าวทะเล รวมไปถึงสาเหตุที่ถูกเรียกกันอย่างนี้ ผู้เขียนได้ค้นพบต้นกำเนิดมาว่า เดิมทีมาจากพวกเดินเรือทะเลในอดีต มักจะพบลูกมะพร้าวทะเลอยู่ในมหาสมุทร แต่ก็ไม่มีใครได้พบเห็นต้นของมัน จึงสันนิษฐานว่าต้นไม้ชนิดนี้อาจอยู่ใต้ทะเล

บ้างก็จินตนาการไปไกลยิ่งกว่านั้น คือเชื่อว่าคงเป็นผลไม้จากสวรรค์ รวมไปถึงอาจจะเป็นผลไม้แห่งความอมตะที่อีฟกับอาดัมถูกหลอกให้กินก็ได้ เพราะนานๆ ครั้งจะมีผู้พบเห็นมะพร้าวทะเลถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง รวมไปถึงเพราะเป็นผลไม้ที่พบเห็นได้ยาก มะพร้าวทะเลจึงกลายเป็นของแปลกรวมไปถึงหายากยิ่งกว่าเพชรพลอย ซึ่งก็กล่าวได้ว่าในยุคก่อนนั้นผลไม้นี้ มักจะถูกนำไปถวายให้แก่บุคคลสำคัญอย่าง กษัตริย์หรือสุลต่าน เพื่อไว้ประดับบารมี หรือเป็นยาวิเศษรักษาสารพัดโรคร้าย

มะพร้าวทะเล นั้นพบได้แถวทะเลในเขตอารเบีย ศรีลังกา อินเดียใต้ รวมไปถึงเกาะสุมาตรา รวมไปถึงชายฝั่งแหลมมลายู แต่เนื่องจากมักพบเจอใกล้กับหมู่เกาะมัลดีฟมากกว่าที่อื่น ในยุคนั้นจึงมีชื่อเรียกกันว่า “มะพร้าวมัลดีฟ” รวมไปถึงถูกให้ชื่อทางวิทยาศาสตร์เป็นภาษาละตินว่า “Lodoicea maldivica”

ความลับของมะพร้าวทะเล

จากอดีตที่กษัตริย์รูดอล์ฟ ทรงเคยยอมนำทองคำจำนวน 4000 ฟลอรีน (ฟลอรีนละ 3.88 กรัมรวมเป็นทองหนัก 15,522 กรัม หรือประมาณ 9.4 ล้านบาท) เพื่อซื้อมะพร้าวทะเลเพียงใบเดียวจากครอบครัวของ วอลเฟิร์ท เฮอร์มันส์เซน (Wolfert Hermanszen) กัปตันชาวดัทช์ที่ได้รับมะพร้าวทะเลเป็นรางวัลมาจาก สุลต่านฮาโญโกรวาตี (Sultan Hanyokrowati ทรงมีพระนามเดิมว่า มัสโจลัง Mas Jolang) กษัตริย์แห่งบันตัมบนเกาะชวาตะวันตก (ครองราชย์ระหว่างปี 1601-1613 มีพระชนมายุเพียง 11 พรรษาเมื่อขึ้นครองราชย์) เนื่องจากกัปตันวอลเฟิร์ทได้ช่วยต่อสู้ขับไล่ทัพเรือโปรตุเกสออกจากบันตัม

รวมไปถึงชาวมลายูในอดีต ล้วนเชื่อว่ามะพร้าวทะเลมีเพียงต้นเดียวอยู่ใต้ทะเล ซึ่งก็กล่าวได้ว่าอยู่ในเขตทะเลใต้ที่สะดือทะเล มีน้ำวน มียอดขึ้นเหนือน้ำ ซึ่งก็กล่าวได้ว่าพญาครุฑใช้ทำรัง ต้นไม้นี้ว่านามว่าปาโอะห์ ญังกี (Pauh Janggi) แปลว่า มะม่วงญังกี ซึ่งก็กล่าวได้ว่ากลายเป็นนิยายที่ใช้เล่นหนังมลายูในหลายเรื่อง

ในอินเดียเรียกมะพร้าวทะเลว่า ดัรยาย นาริยาล (แปลว่า มะพร้าวแห่งทะเล) ต่อมาเพี้ยนเป็น ญาฮารี ในสำเนียงบอมเบย์ ซึ่งก็กล่าวได้ว่าแปลว่า “มีพิษ” พวกฟากีรจึงท้าทายพิษของมันด้วยการเอากะลามาทำเป็นภาชนะใส่อาหาร ชาวฮินดูในอินเดียเอามะพร้าวตั้งแท่นแล้วก็กราบไหว้บูชาเสมือนเป็นโยนีของเจ้าแม่

ในภาษามัลดีฟเรียกมะพร้าวทะเลนี้ว่า ตาวา กัรฮี (Tava Karhi) ซึ่งก็กล่าวได้ว่าคำว่า กัรฮี แปลว่า มะพร้าว มะพร้าวทะเลนี้มีรูปร่างเหมือนมะพร้าวแฝด สองลูกติดกัน อังกฤษเรียกมะพร้าวทะเลอย่างง่าย ๆ ว่า ดับเบิลโคโคนัท (Double coconut) แปลว่า มะพร้าวคู่ ชาวมัลดีฟใช้มะพร้าวทะเลนี้ทำเป็นอาหารรวมไปถึงเครื่องดื่ม รวมไปถึงเชื่อว่าเป็นยาทิพย์รักษาสารพัดโรค สามารถแก้พิษ รวมไปถึงที่สำคัญที่สุดคือเป็นไวอากร้าของสมัยนั้น

ความลับของมะพร้าวทะเลที่หลายคนยังไม่เคยพบว่ามีต้นอยู่ที่ไหนในอดีต กระทั่งสุดท้ายความลับก็ถูกเปิดเผย เมื่อชาวฝรั่งเศสได้ขึ้นฝั่งที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง รวมไปถึงตั้งชื่อเกาะนี้ว่า ปรัสลีน Praslin อันเป็นชื่อของรัฐมนตรีเดินเรือ คือดุ๊กแห่งปรัสลิน (Duke of Praslin) รวมไปถึงพวกเขาก็ได้พบกับต้นมะพร้าวทะเลบนเกาะแห่งนี้ รวมไปถึงเริ่มเข้าใจว่า ลูกมะพร้าวแฝดที่ตกลงไปในทะเลมากมายนั้น ได้ลอยข้ามมหาสมุทรอินเดียไปจนถึงมัลดีฟ ศรีลังกา รวมไปถึงอินเดีย พร้อมกับได้สร้างตำนานความลึกลับเอาไว้มากมาย ก็เป็นอันถึงบางอ้อ รวมไปถึงกัปตันชาวตะวันตกก็บรรทุกมะพร้าวทะเลไปเต็มลำเรือเพื่อเอาไปขาย

ตั้งแต่นั้นมาปริศนามะพร้าวทะเลก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น รวมไปถึงราคาของมะพร้าววิเศษชนิดนี้ก็เริ่มตกลงไปด้วย แต่ปัจจุบัน หากใครต้องการซื้อลูกมะพร้าวทะเล ก็อาจต้องควักกันแพงหน่อย

สาเหตุที่ทำให้มะพร้าวทะเลมีราคาแพง

มะพร้าวทะเลได้รับการกล่าวถึงในหนังสือกินเนสว่าเป็นเมล็ดผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีน้ำหนักที่วัดได้ลูกละ 20 กิโลกรัม รวมไปถึงกว่าผลจะสุก ต้องใช้เวลาถึง 7 ปี กว่าจะเติบโตออกดอกออกผลได้ต้องมีอายุ 20 ปีถึง 40 ปี รวมไปถึงต้นมะพร้าวทะเลนั้น มีอายุยืนถึง 400 ปี แบ่งออกเป็นเพศผู้รวมไปถึงเพศเมีย ผลตั้งบนดินหนึ่งปีถึงจะมีรากแก้วงอกออกมาแล้วชอนไชเข้าไปในดิน มีความยาวหลายฟุต ก่อนที่จะเริ่มมีใบออกมาปีละ 1 ใบ โดยต้นมะพร้าวทะเลเพศผู้ มีลำต้นสูงถึง 30 เมตร

สำหรับในประเทศไทย มะพร้าวทะเลมีปลูกรวมไปถึงครอบครองเพียงไม่กี่แห่ง ได้แก่ สวนนงนุช (พัทยา) รวมไปถึงสวนแสนปาล์ม (นครปฐม) ซึ่งก็กล่าวได้ว่าสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้สำเร็จ นับเป็นเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถทำเช่นนี้ได้ มะพร้าวทะเลมีราคาซื้อขายที่แพงมาก เคยมีการตั้งราคาขายเฉพาะกะลาที่แห้งแล้วรวมไปถึงไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้ มีราคาถึงลูกละ 26,000 บาท

อย่างไรก็ตาม “มะพร้าวทะเล” อาจมีลูกเร็วไปเลยเมื่อเทียบกับ “ลูกชก” เพราะต้นชกนั้นกว่าจะให้ผลผลิต จะต้องรอถึง 25 ปี เลยทีเดียว เอาไว้ผู้เขียนจะหาข้อมูลของต้นชกรวมไปถึงลูกชก มาให้ชมกันในครั้งหน้า วันนี้ต้องขอตัวไปก่อน

ติดตามสาระความรู้และเนื้อหาข่าวทันเหตุการณ์ได้จากกระดานข่าวเราที่ tajeduglobe.com/board/